Love —— ผลการทดลอง

แฮ็กชีวิตเฉาสิ้นปี ด้วยการ ‘ใจดี’ กับคนที่เราก็ไม่รู้ว่าใคร

อีกเดือนเดียวก็จะหมดปี ถึงได้มาทบทวนตัวเองว่าปี 2021 ที่ผ่านมานี้ ชีวิตของเราได้ถูก ‘การอยู่บ้าน’ กลืนกินไปจนแทบหมดสิ้นแล้ว 

แม้ว่าช่วงต้นปีจะบอกใครต่อใครว่าชั้นเพลิดเพลินกับโฟลว์กับการใช้ชีวิต+ทำงานที่บ้านมากขนาดไหน แต่การอยู่บ้านนาน (เกิ๊น) ไปมันก็ย้อนกลับมาเล่นงานเราเข้าให้จนได้ ขนาดที่ว่าล่าสุด ลองหากิจกรรมอะไรทำจนหมดบ้าน หรือลุกขึ้นไปออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบเพียงใด ก็ไม่อาจดึงชีวิตและชีวาของเรากลับมาได้ดังเดิม จนเริ่มคุยกับตัวเองหน้ากระจกแล้วว่า “แกๆ ชั้นว่าชีวิตเราน่าจะต้องการเชื่อมโยงกับมนุษย์บ้างว่ะ” 

แต่การนัดเจอครอบครัวและเพื่อนฝูง (ซึ่งจริงๆ ก็มีอยู่ไม่ได้เยอะมาก) มันก็อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของใจที่เหี่ยวเฉามานาน จนวันหนึ่ง เทพเจ้าที่ชื่อว่ากูเกิ้ลก็ได้ประทานสิ่งหนึ่งมาให้ระหว่างกำลังหาข้อมูลทำงาน ว่าวันที่ 13 พฤศจิกายนเป็นวัน World Kindness Day ของชาวฝรั่งเขา แต่แทนที่จะชวนกันมาบอกตัวเองว่าเรามา ‘be kind to others’ กันเถอะแบบซื่อๆ หนึ่งในกิจกรรมที่เขาชอบเล่นกันก็คือสิ่งที่เรียกว่า Random Acts of Kindness 

จังหวะนี้แหละที่เสียงในหัวบอกมาว่า “เฮ้ยแก น่าลองนะ”

ทำเรื่องใจดีแบบสุ่มกับคนแปลกหน้า จะดีเหรอ?

Random Acts of Kindness แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า ‘การออกไปใจดีแบบสุ่มทำ ไม่เจาะจงว่าใคร’ อะไรประมาณนั้น ถ้าฟังผิวเผินมันอาจจะดูชวนอี๋ว่านี่คือการชวนกันออกไปทำความดีหรือเปล่า จะตอบว่าใช่ก็ไม่เชิง เพราะความสนุกมันอยู่ตรงที่ความ ‘แรนด้อม’ ใจดีในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่างหาก 

ขยายความไปอีกว่าไอ้เจ้า ‘ความเมตตาแบบเล็กๆ’ เนี่ย มันทำให้เราฝึกที่จะมองเห็นและรู้สึกขอบคุณสิ่งรอบตัวมากขึ้น แล้วพอเราทำแบบนี้บ่อยเข้า มันก็จะไปทำลาย ‘ความเห็นแก่ตัว’ ที่เราอาจจะมีมันอยู่ในตัวโดยไม่รู้ และที่ตื่นเต้นกว่านั้น ถึงกับต้องยกโควทเขามาเลยว่า

Being kind can have an impact on your psychological and physical health. ด้วยนะ 

เขาบอกว่า ความเมตตา (kindness) มันเชื่อมโยงกับความสุขและความพึงพอใจของคนเราอย่างแยกไม่ออกทั้งในระดับจิตใจ (mind) และจิตวิญญาณ (soul) มีการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรีชาวญี่ปุ่น พบว่า คนที่มีความสุขนั้นมีน้ำใจมากกว่าคนที่ไม่มีความสุข ความเมตตาส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจ และความเห็นอกเห็นใจจะนำไปสู่ความรู้สึกผูกพันกับผู้อื่น (ซึ่งมันดีกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าที่รู้สึกโดดเดี่ยวและแตกต่าง) เมื่อคุณรู้สึกผูกพันกับผู้อื่น คุณก็จะลดความแปลกแยกและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปนั่นเอง

นักวิจัยยังบอกอีกว่า kindness 

  • ช่วยลดความเครียด เพิ่มภูมิคุ้มกันของเรา และ ช่วยลดอารมณ์ด้านลบ เช่น ความโกรธ ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า 
  • สามารถปลดปล่อยสารเคมีทางประสาทที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ดี และสามารถลดอาการปวดได้ เช่น โดปามีน เซโรโทนิน ออกซิโตซิน ที่ร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อเราใจดีกับคนอื่น

สำหรับเรา การออกไปมีน้ำใจกับคนอื่นในเรื่องเล็กๆ เป็นความท้าทายใจเบาๆ อยู่เหมือนกัน เพราะมันเทาๆ อยู่ระหว่างการทำดีกับคนที่เรารู้จักรักใคร่ (ซึ่งเราอาจจะเผลอคาดหวังให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมา) กับการทำดีแบบจริงจังในเบอร์ของ ‘การให้’ เช่น บริจาค ให้ทาน อาสาสมัคร ไปเลย (ซึ่งแบบนี้ก็มีคนทำอยู่ไม่น้อยแล้วเช่นกัน) ซึ่งเบอร์แรนด้อมนี้เราไม่ค่อยได้ทำในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ โดยเฉพาะในช่วงชีวิตที่ขาดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์แปลกหน้า

Random Acts of Kindness อาจจะเป็นการแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็มีประโยชน์มาก อย่างน้อยก็กับตัวเองคนหนึ่งละ เราเลยตัดสินใจว่าจะ ‘ทดลอง’ ทำดูสักตั้งละกัน

1

เขียน Body Positive Note ไปแปะตามกระจกสาธารณะ

การเขียนโน้ตข้อความดีๆ ไปแปะที่สาธารณะ คืออย่างแรกที่ลองทำเพราะคิดว่ามันน่าจะท้าทาย ปัญหาคือจะเอาไปติดที่ไหน เรื่องอะไรดีหว่า ไอเดียแรกที่ปิ๊งขึ้นมาก็คือกระจก เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนส่วนใหญ่มักจะมอง ส่องดูหน้าตาและรูปร่างตัวเองกันอยู่แล้ว แถมยังหาง่ายได้ทั่วไป แปะแล้วไม่ค่อยหลุดด้วย พอเป็นกระจกก็เลยลองครีเอต+สรรหาข้อความที่ว่าด้วยเรื่อง body positive ไปเลยแล้วกัน ว่าแล้วก็ออกไปที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง เดินเข้าห้องน้ำ 1 ร้านเครื่องสำอาง 1 และห้องลองเสื้อร้านเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น 1 แล้วลงมือแปะโน้ตบนกระจกทันใด แบบโนสนพนักงานร้าน (ขอโทษและขออนุญาตนะคะ)

ไม่ว่าคุณจะคือใคร ที่ผ่านไปเห็นกระจกเหล่านี้ในวันนั้น ที่ห้างฯ แห่งนั้นเข้า เราก็แค่อยากบอกว่า ทุกคนต่างดูดีในแบบของตัวเองนะ

2

ออกไป Plogging วิ่งไป สะสมขยะข้างทางไป

ขยะที่คุณทอดทิ้งไม่ลงถัง เดี๋ยวเราทิ้งให้ก็ได้ – คือไอเดียหลักของกิจกรรมที่เรียกว่า plogging (jogging+plucking) เทรนด์นี้นักวิ่งฝั่งยุโรปเขาเคยฮิตมากๆ กันช่วงก่อนโควิด เริ่มต้นโดยนักวิ่งชาวสวีเดน ที่ชวนเพื่อนนักวิ่งสวมถุงมือ คว้าถุงพลาสติกสำหรับใส่ขยะ แล้วออกไปวิ่งพร้อมใช้สายตาสแกนตามถนนเพื่อเสาะหาขยะพลาสติกไปทิ้งลงถังรีไซเคิล จากกลุ่มเล็กๆ ก็เริ่มลุกลามจนไปถึงที่อังกฤษและอีกหลายประเทศบนโลก 

ปกติเราออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นทุน การลอง plogging จึงไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งที่เจอหลังจากลองวิ่งแบบนี้ที่แถวบ้าน และสวนสาธารณะใกล้ที่ทำงาน พบว่าในจุดที่เป็นเมืองและชุมชน มันมีขยะให้เราเก็บทิ้งตลอดทางจริงๆ (ตามภาพคือแก้วน้ำพลาสติกและหลอดพลาสติก) แต่พอไปวิ่งสวนจตุจักรซึ่งเป็นพื้นที่ให้วิ่งจริงๆ และมีนักวิ่งเต็มสวน กลับไม่พบขยะเลยสักชิ้น สงสัยว่าเป็นเพราะคนมีจิตสำนึกที่ดี หรือช่วงนี้มีกฎห้ามเอาอาหารเข้าสวนกันแน่ (เลยต้องถือถุงเปล่ากลับบ้านไปใช้ต่อ ตามภาพ) 

3

ส่งข้อความ Positive Review ไปให้ธุรกิจเล็กๆ ที่ชอบ

การส่งข้อความไปให้กำลังใจธุรกิจเล็กๆ หรือโลคอล เป็นอะไรที่เรามองข้ามไปเหมือนกัน เพราะนอกจากจะซื้อของออนไลน์บ่อย จนเริ่มคุยกับบอตมากกว่ามนุษย์ไปจนชินซะแล้ว เวลาเราชอบอะไรหรือเจออะไรที่รู้สึกว่าคนทำตั้งใจจังน้า เราก็มักจะชมอยู่ในพื้นที่ตัวเอง ไม่ค่อยได้ส่งพลังนี้ไปหาคนทำโดยตรงเท่าไหร่ 

ด้วยความที่เราเองก็ไม่รู้จักกับเจ้าของแบรนด์โดยตรง และไม่รู้ว่าใครกันนะที่จะเป็นคนอ่านข้อความที่เราส่งให้ จะไปถึงเจ้าของหรือเปล่า แต่การบรรจงพิมพ์ข้อความไปชื่นชมจากใจว่า ‘สิ่งที่คุณทำมันดีจริงๆ เรามองเห็นอยู่นะ ขอให้มีกำลังใจทำต่อไปเรื่อยๆ’ แล้วได้คำตอบกลับมา แม้จะเป็นการสนทนากับมนุษย์ที่ไม่รู้ว่าใครแบบสั้นๆ มันก็ทำให้ยิ้มได้อยู่

4

Tip ให้พี่ไรเดอร์ ด้วยน้ำดื่มเย็นชื่นใจ

เอาตรงๆ ปีนี้ ถ้าถามว่าคนแปลกหน้าคนไหนที่เราได้ปฏิสัมพันธ์บ่อยที่สุด คำตอบน่าจะต้องเป็นเหล่าพี่ไรเดอร์คนขับที่บริการส่งข้าวส่งน้ำให้เรายังชีพ นิสัยเสียปกติคือเวลาหิว เราก็มักจะคิดถึงแต่ตัวเอง (เป็นเรื่องธรรมดา) พอข้าวมาส่งก็ออกไปรับแล้วรีบเทกิน แม้จะเจอคนบริการแสนดีแค่ไหน ก็มีน้อยครั้งมากๆ ที่เราจะตั้งใจกดให้ดาวพี่เขา ส่วนใหญ่กินอิ่มแล้วก็จะเมินแอพฯ ไปทำอย่างอื่น 

คราวนี้ ได้เวลาแล้วล่ะที่เราจะใจดีต่อผู้มีพระคุณต่อกระเพาะอาหารของเรา ในการสั่งอาหารครั้งถัดไป ก็เลยกดสั่งเมนูโปรโมชั่นที่แถมน้ำส้ม (บางร้านก็มีเมนูน้ำสดชื่นแยกมา เพื่อให้เรากดเลือกให้พี่คนขับเลย หรือบางทีสั่งกินคนเดียวเจอค่า small order ก็เปลี่ยนเป็นกดน้ำมาให้พี่ไรเดอร์แทน) แล้วก็ยกน้ำส้มนั้นยื่นไป “ให้พี่ค่ะ” แล้วก็เดินเข้าบ้านมาเขินๆ หวังว่าจะคลายเหนื่อยได้นะพี่ 

แอบเตรียม Yummy Meal ไว้ให้น้องสัตว์รอบๆ บ้าน

ปมหนึ่งในชีวิตของเราคือการไม่มีสัตว์เลี้ยงอย่างใครเขา (รักสัตว์แต่คนที่บ้านไม่พร้อมจะรักด้วย) แต่พออยู่บ้านนานๆ สายตาเราได้ทำความรู้จักกับสัตว์น่าเลี้ยงรอบบ้านมากมาย ทั้งกระรอก นก หมาจรจัดแถวบ้าน ถ้าลองใจดีกับมันเพิ่มสักหน่อย ก็อาจจะเท่ากับได้เลี้ยงสัตว์แล้ว 

เริ่มจากลงมือผูกตะกร้าจิ๋วไว้เป็นจุดให้อาหารกระรอก เวลามีถั่วหรือผลไม้ที่กินไม่ทัน เช่น กล้วย ก็เอามาตัดชิ้นเล็กๆ แล้วหย่อนไว้ในตะกร้าช่วงเช้า พอบ่ายๆ ถ้าลงมาดูอีกทีแล้วหายไปก็แปลว่าน่าจะเสร็จเจ้ากระรอกไปหมดแล้ว ส่วนนก เราสังเกตว่ามันชอบมาเล่นน้ำในอ่างบัวและอ่างไม้น้ำเล็กๆ ที่วางไว้หน้าบ้าน ก็เลยเอาข้าวสารใส่ถาดไปวางไว้ใกล้ๆ ตรงนั้นให้มันมาจิกกินได้ 

มื้อพิเศษสุด ขอยกให้มื้อที่เตรียมให้หมาจรจัดในซอยบ้าน ปกติเวลาขับรถผ่านตอนค่ำๆ จะเห็นมันเดินเพ่นพ่าน เราเลยจัดแจงเอาน่องไก่ที่มีในตู้เย็นมาต้มให้สุก ฉีกแล้วคลุกกับข้าวสวย ใส่ถ้วยไปให้มันกินถึงที่ เรียกว่าเป็น premium dinner ที่แม้กระทั่งคนในบ้านก็อาจจะไม่ทำให้ขนาดนี้ (ฮ่า)

6

ส่งของขวัญ Christmas Wishlists ไปให้เด็กๆ ที่กำลังต้องการ

กิจกรรมใจดีสุดท้ายที่เราได้ลองทำ คือการห่อของขวัญ แนบจดหมาย ส่งความปรารถนาดีให้คนที่ยังไม่รู้จัก โดยภารกิจในใจเราคือตามหาว่ามีเด็กหรือผู้สูงวัยที่ไหนไหมนะ ที่เขาน่าจะอยากได้ของขวัญหรือจดหมาย เสิร์ชไปเสิร์ชมาจนเจอกับเพจของ ‘มูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีน เพื่อเด็กกำพร้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้’ ที่โพสต์ภาพถึงครอบครัวหนูน้อย 5 พี่น้องที่กำพร้าพ่อ อาศัยอยู่ในบ้านไม้เล็กๆ จังหวัดยะลา ซึ่งกำลังต้องการเสื้อผ้าและความช่วยเหลืออยู่พอดี เลยเกิดความตั้งใจว่าจะส่งของขวัญให้น้องๆ เหล่านี้แล้วกัน

หลังจากที่โทรไปถามคุณแม่เรื่องอายุของน้องๆ แต่ละคน ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ซื้อเสื้อผ้าให้เด็ก (กะไซส์ยากเหมือนกันแฮะ) แล้วก็จัดแจงห่อของขวัญ เขียนจดหมายเป็นข้อความสั้นๆ จ่าหน้าถึงน้องๆ แล้วส่งไป หวังใจให้เป็นของขวัญคริสต์มาสล่วงหน้า

ใครอยากทำแบบนี้เหมือนกัน อยากบอกว่ามีมูลนิธิแบบใกล้เคียงกันนี้ ที่มีความต้องการอีกมากเลย แต่จะใจดีขึ้นอีกนิด ถ้าเราได้ลองใส่ใจในรายละเอียดในความต้องการของพวกเขาด้วยนะ

ไอเดีย สุ่ม ‘ใจดี’ กับคนที่เราไม่รู้จัก

เราขออนุญาตไม่เขียนถึงบทสรุปของการทดลองครั้งนี้ แต่อยากให้คนที่สนใจกิจกรรมทำนองนี้ เอาไอเดียไปเลือกปรับใช้กับชีวิตตัวเองดูเหมือนกัน แล้วแอบเขียนมาคุยกันนะ ว่าทำแล้วเป็นยังไงบ้าง

1. ส่งข้อความไปให้กำลังใจร้านเล็กๆ ที่ไม่อยากให้หายไป
2. ทิปให้คนทำงานบริการดีๆ ด้วยอะไรที่ไม่ใช่ตัวเงิน
3. แปะ positive note ในชุมชน/ที่สาธารณะ
4. ลงมือทำอาหารดีๆ สักมื้อให้คนที่กำลังต้องการ
5. ทิ้งอาหารไว้ให้สัตว์รอบบ้าน ที่อาจจะไม่มีเจ้าของ
6. เก็บขยะตามข้างทาง ไปแยกทิ้งให้ถูกต้อง
7. ส่งคำชมง่ายๆ ให้คนที่เราคุยด้วยในแต่ละวัน
8. เขียนจดหมายไปหาเด็ก/คนแก่ที่ถูกทอดทิ้ง
9. จ่ายค่าตั๋วรถเมล์ให้คนที่นั่งข้างๆ เรา
10. ส่งดอกไม้ไปเซอร์ไพรส์ใครสักคนที่กำลังรู้สึกแย่
11. ใจดีกับตัวเอง เขียน 10 สิ่งในชีวิตที่เราอยากขอบคุณ

ใครมีไอเดียใจดีอื่นๆ ที่ทำแล้วดี ชีวิตหายเฉา หรือมีแง่มุมอะไรน่าเล่า ก็แชร์หรือส่งข้อความมาบอกเราบ้างล่ะ

Content Designer

#อดีตเป็นบรรณาธิการสารคดีนิตยสารวัยรุ่น #เขียนหนังสือบ้างตามโอกาส #ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทคอนเทนต์ขนาดเล็ก #กำลังตั้งใจเรียนรู้ที่จะใส่ใจสิ่งรอบตัวมากขึ้นผ่านการเล่าเรื่องราวในไอแอลไอยู

Graphic Designer

#กราฟิกดีไซเนอร์ #เป็นเด็กหญิงMoodyGirl #แต่ถ้าได้กินของอร่อยฟังเพลงเพราะนอนเต็มอิ่มจะจิตใจแจ่มใสและหัวใจพองโต

Read More:

Love สาระสำคัญ

เขื่อนเพื่อฉัน? ฝันเพื่อใคร?

เขาบอกว่าเขื่อนไม่ดี แล้วทำไมปี 2021 ใครบางคนยังอยากได้เขื่อนอยู่อี้ก (เสียงสูง)

Love วิธีทำ

มีเงินอย่างเดียวก็เป็นคนไนซ์ของเมืองได้

แจกผังหนุนเจ้าเก่า วิธีเชียร์ร้านประจำ และหน่วยที่อุดหนุนแล้วจะดีต่อเมือง

Love มนุษยสัมพันธ์

ฟังเสียง 10 คนรุ่นใหม่ที่กำลังแอคทีฟเพื่อเมือง

10 คนรุ่นใหม่ขยับเมืองในหลากหลายประเด็น ที่เราอยากชวนมาฟังเบื้องหลังการลงมือทำของพวกเขา